คอมแอร์โรตารี่กับอินเวอร์เตอร์แตกต่างกันอย่างไร
บริษัท พรชัยแอร์ สาขาดอนเมือง Tel : 02-9747679, 081-5810400, 089-6840267
คอมแอร์ โรตารี่ กับ Inverter แตกต่างกันอย่างไร
หน้าที่ของคอมเพรสเซอร์ มีหน้าที่ อัดน้ำยาเข้าสู่ระบบเครื่องปรับอากาศ และทำการดูดน้ำยาแลับจากระเข้าสู่คอมเพรสเซอร์
คอมเพรสเซอร์จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ
- คอมเพรสเซอร์ลูกสูบ
- คอมเพรสเซอร์โรตารี่
- คอมเพรสเซอร์แบบสโกรว
1. คอมเพรสเซอร์ลูกสูบ
หลักการทำงานของคอมเพรสเซอร์ลูกสูบ จะมีกระบอกสูบ มีลิ้นดูดและลิ้นอัด สำหรับทำหน้าดูน้ำยาของระบบเครื่องทำความเย็น โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวกำลังขับ หมุนกระบอกสูบให้อัดและดูดน้ำยาตามต้องการ จะเป็นแอร์สมัยก่อนที่เป็นแบบแขวนใต้ฝ้า หรือตั้งพื้น
ข้อดีของคอมเพรสเซอร์ลูกสูบ
- เสียแล้วซ่อมได้
- แรงดูดอัดจะดีกว่าโรตารี่
ข้อเสียของคอมเพรสเซอร์ลูกสูบ
- กินกระแสไฟฟ้า
- เสียงดัง
2. คอมเพรสเซอร์โรตารี่
หลักการทำงานของคอมเพรสเซอร์โรตารี่ คอมเพรสเซอร์จะมีลูกปืนเป็นตัวและอัดน้ำยาเข้าเครื่องทำความเย็น
ข้อดีของคอมเพรสเซอร์โรตารี่
- กินกระแสไฟน้อย
- เครื่องเงียบ
ข้อเสียของคอมเพรสเซอร์โรตารี่
- เสียแล้วไม่สามารถซ่อมได้ต้องเปลี่ยนคอมลูกใหม่
- ระยะการเดินท่อได้ไม่ไกลมาก
3. คอมเพรสเซอร์แบบสโกรว (Scroll Compressor)
พัฒนามาจากคอมเพรสเซอร์โรตารี่ ทำงานโดยใบพัดรูปหอย โดยมีคุณสมบัติ คือ มีการสั่นสะเทือนน้อย เดินเงียบ และมีประสิทธิภาพพลังงานสูงกว่าคอมเพรสเซอร์แบบอื่นๆ ในระดับเดียวกัน
- คอยล์ (Coil) ประกอบด้วยท่อทองแองและครีบอะลูมิเนียม (Fin) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทีสำคัญในการระบายและดูดซับความร้อน จากอากาศ ดังนั้น ผู้ซื้อจึงควรพิจารณาถึงวัตถูดิบที่ใช้ทำคอยล์ เช่นความหนาของครีบ หรือการเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อนเนื่อจากคอยล์ที่มีสภาพดีย่อมระบายความร้อนได้ดี ดังนั้นคอยล์ที่ทนทานจึงสามารถยึดอายุการใช้งานเครื่องปรับอากาศ แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
- มอเตอร์พัดลม (Fan Motor) เป็นส่วนประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการช่วยระบาย และดูดซับความร้อน มอเตอร์ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศมีอยู่หลายเกรด ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรสอบถามข้อมูลมอเตอร์เพื่อประกอบการตัดสินใจ มอเตอร์ที่ดีควรใช้ขดลวดที่ทนความร้อนได้สูง จึงจะทำให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยที่รอบ (rpm) ไม่ตกซึ่งมีผลต่อการระบายความร้อน และไม่เสียง่ายเนื่องจากความร้อนสูง
-ระบบฟอกอากาศ (Air Purifier) ในปัจจุบันผู้ผลิตนิยมติดตั้งระบบฟอกอากาศไว้ในเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยทำให้อากาศภายในห้องมีความสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ซึ่งระบบฟอกอากาศที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่องปรับอากาศมีอยู่ด้วยกันหลายระบบดังนี้
- การกรอง (Filtration) เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศในการดักจับฝุ่น หรืออนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างเส้นใย โดยที่สิ่งสกปรกจะติดค้างอยู่ที่ไส้กรอง และต้องทำการเปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใช้งาน ตัวอย่างของระบบนี้ก็คือ HEPA (High Efficiency Particulate Air) ซึ่งเป็นการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.05 ไมครอน ในกรณีี่ต้องการกำจัดกลิ่นในอากาศ จะนิยมใช้แผ่นคาร์บอน (Activated carbon filters) เพื่อดูดซับกลิ่น เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร เป็นต้น
- การดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator) เป็นการใช้ตะแกรงไฟฟ้า (Electric grids) ในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาพ โดยการเพิ่มประจุไฟฟ้าให้กับอนุภาคฝุ่นละอองหรือใช้แผ่นโลหะอีกชุดหนึ่งซึ่งเรียงขนานกันดูดอนุภาคฝุ่นละอองไว้ โดยที่หลังจากใช้งานไประยะหนึ่งต้องหยุดเครื่องเพื่อทำความสะอาดแผ่นโลหะ
- การปล่อยประจุไฟฟ้า (Ionizer) เป็นการใช้เครื่องผลิตประจุไฟฟ้า และปล่อยออกมาพร้อมกันลมเย็นเพื่อดูดจับอนุภาคฝุ่นละอองและกลิ่น โดยประจุลบที่ปล่อยออกมาจะทำการดูดจับอนุภาคฝุ่นละอองและกลิ่น ซึ่งมีโครงสร้างเป็นประจุบวก จนกระทั้งกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้น และตกลงสู่พื้นห้อง โดยกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นจะถูกกำจัดไฟพร้อมกับการทำความสะอาดพื้นห้องตามปกติ ดังนั้นระบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดเพราะไม่มีการดักจับโดยใช้แผ่นกรองแต่เป็นการใช้ปฏิกิริยาทางเคมี
ระบบ INVERTER (อินเวอร์เตอร์)
อินเวอร์เตอร์ คือ ระบบที่ควมคุมการปรับอากาศ ให้เป็นอย่างราบเรียบและคงที่ ด้วยการปรับเปลี่ยนรอบการหมุนของคอมเพรสเซอร์ โดยการเปลี่ยนความถี่ของกระแสไฟที่จ่่าย ให้กับมอเตอร์ของคอมเพรสเซอร์แทนการทำงานแบบ ติด-ดับ ในเครื่องปรับอากาศแบบเก่า ทำให้ระบบอินเวอร์เตอร์สามารถควบคุบอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำมากขึ้นและที่สำคัญ คือ ประหยัดพลังงาน กำลังงานที่ใช้ในการทำความร้อนหรือความเย็นจะเปลี่ยนโดยอัตโนมัติ อุณหภูมิของห้องคงที่กว่าเมื่อเทียบกับระบบเก่า เนื่องจากระบบนี้จะไม่มีการหยุดทำงานของคอมเพรสเซอร์ อุณหภูมิของห้องค่อนข้างที่ เนื่องจากระบบนี้จะปรับกำลังในการทำความร้อนหรือความเย็นโดยอัตโนมัติ ให้กำลังที่สูงกว่าการทำงานในช่วงเริ่มต้น ทำให้ห้องเย็นหรืออุ่นได้เร็วดังใจ
สรุปก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูงกว่าจะช่วยประหยัดเงิน และพลังงานมากว่าในระยะหลายเดือน หรือหลายปีข้างหน้า แต่ผลิตภัณฑ์จะมีต้นทุนในการซื้อสูง แต่ผลตอบแทนคือค่าไฟฟ้าที่ได้รับจะถูกว่า