พรชัยแอร์ จำหน่ายแอร์บ้าน แอร์แขวน แอร์โรงงาน แอร์สี่ทิศทาง แอร์โซล่าเซลล์ ราคาปลีก-ส่ง

บทความ

แม็กเนติกคอนแทกเตอร์ แอร์บ้านคืออะไร

07-11-2558 13:35:06น.
บริษัท พรชัยแอร์ สาขาดอนเมือง Tel : 02-9747679, 081-5810400, 089-6840267

แม็กเนติกคอนแทกเตอร์ แอร์บ้านคืออะไร


มกเนติกคอนแทคเตอร์คือ..(เอาแบบง่ายและเข้าใจ) สวิตช์ทางไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เหมือนกับสวิตช์เปิด-ปิดไฟธรรมดานี่เองครับ  ส่วนประกอบของ แม็คเนติกคอนแทกเตอร์ (Magnetic contactor)  เป็นสวิตซ์อีกชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นขดลวดหรือคอยล์  ซึ่งเมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าในขดลวดแล้วจะเกินสนามแม่เหล็กขึ้นและอีกส่วนหนึ่งเป็นหน้าสัมผัสของตัวแม็กเนติกคอนแทกเตอร์  ทำหน้าที่ดัดหรือต่อวงจรไฟฟ้ากำลังที่ป้องเข้าโหลด  หลักการทำงานของแมกเนติกคอนแทกเตอร์ มีดังนี้  เมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าในขดลวดจะเกิดสนามแม่เหน็กขึ้นรอบขดลวด มีอำนาจดูดเหล็กอมร์เมเจอร์ (armature)  ซึ่งแกนเหล็กนี้ปลากข้างหนึ่งต่ออยู่กับหน้าสัมผัสเคลื่อนที่ (moving contact)  และปลายอีกข้างหนึ่งวางอยู่บนสปริงซึ่งจะคอยผลักแกนเหล็กอาร์มาเจอร์ให้หน้าสัมผัสจาก  เมื่อขดลวดเกิดสนามแม่เหล็กและมีอำนาจมากกว่าแรงดันสปริง  แกนอาร์มาเจอร์จะถูกดูด  ทำให้หน้าที่สัมผัสต่อกัน  และเมื่อตัดกระแสไฟฟ้าที่ป้อนเข้าขดลวด อำนาจแม่เหล็กรอบขดลวดจะหมดไป  แรงดันสปริงจะผลักแกนเหล็กอาร์มาเจอร์ให้หน้าสัมผัสจากออก หน้าสมัผัสของแมกเนติกคอนแทกเตอร์ในหนึ่งตัวอาจจะมีขั้วเพียงขั้วเดียว  หรือ 2 ขั้ว หรือ 3 ขั้ว ก็ได้  และหน้าสัมผัสอาจเป็นแบบปกติเปิดทั้งหมด หรืออาจจะมีทั้งหน้าสัมผัสปกติเปิดและปกติปิดสลับกันก็ได้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบและวงจรการควบคุม

การเลือกแม็กเนติกคอนแทคเตอร์เพื่อใช้งานจะต้องคำนึงถึงหลักเบื้อต้นด้งนี้
1. ขนาดของแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ป้อนเข้าขดลวดของแม็กเนติกคอนแทกเตอร์  จะมีขนาดดังนี้คือ  6 โวลด์ D, C, 12 โวลด์ D,C, 24 โวลด์ A.C., 200 โวลด์  A,C,  และ 300 โวลด์ A,C, เป็นต้น

2. ขนาดการทนกระแสของหน้าสัมผัส  จะขึ้นอยู่กับการเกินกระแสของโหลดที่ต้องการควบคุมซึ่งมีขนาดดังนี้คือ 20, 25, 30, 40, 50 และ 60 แอมปร์ หรือมากกว่าขึ้นไป เป็นต้น

3. จำนวนขั้วของหน้าสัมผัส จะขึ้นอยู่กับจำนวนสายไฟที่ต้องการควบคุมการตัด-ต่อ เช่น ถ้าต้องการตัดต่อวงจรที่มีสายไฟ 3 เส้นก็ต้องใช้หน้าสัมผัส 3 ขั้ว เป็นต้น

4. ชนิดของหน้าสัมผัสจะขึ้นอยู่กับโหลดที่ต้องการใช้งาน

แม็กเนติก แอร์บ้าน

รีเลย์ควบคุม

รีเลย์ควบคุม (control relay)  มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับแม็กเนติกคอนแทกเตอร์  แต่มีข้อแตกต่างกันดังนี้

1. หน้าสัมผัสของรีเลย์ควบคุม จะทนกระแสไฟฟ้าได้ไม่เกิน 18 แอมแปร์  ในขณะที่หน้าสัมผัสของแม็กเนติกคอนแทกเตอร์จะทนกระแสไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 20 แอมแปร์ขึ้นไป

2. หน้าสัมผัสของแม็กเนติกคอนแทกเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบบปกติปิด  แต่หน้าสัมผัสของรีเลย์ควบคุมจะมีทั้งปกติเปิดและปกติปิด

3. หน้าสัมผัสของแม็กเนติกคอนแทกเตอร์จะทำหน้าที่ตัด ต่ดโหลดที่ต้องการกำลังสูง  แต่หน้าสัมผัสของรีเลย์ควบคุมจะทำหน้าที่ตัด ต่อวงจรควบคุมเท่านั้น

รีเลย์

รีเลย์ (relay)  ที่ใช้ในงานเครื่องทำความเย็นจะต่อเข้ากับวรจรมอเตอร์คอมเพรสเซอร์  เพื่อทำหน้าที่ตัดไฟฟ้าซึ่งเข้าเลี้ยงขดลวดสตาร์ตออกจากวงจรเมื่อมอเตอร์หมุนออกตัวได้แล้ว  เช่นเดียวกับสวิตซ์แรงเหวี่ยงหนีศูนญ์ที่อยู่ภายในมอเตอร์  ซึ่งจะคอยตัดขดลวดสตาร์ตออกจากวงจรโดยอัตโนมัติ  เมื่อมอเตอร์หมุนและมีความเร็วรอบตามเกณฑ์แล้ว  แต่โดยที่มีมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบเฮอร์เมติกไม่สามารถติดตั้งสวิตซ์แรงเหวี่ยงหนีศูนย์เข้าไว้ภายในตัวเรือนได้  จึงจำเป็นต้องใช้รีเลย์ต่อเข้ากับวงจรภายนอกทำหน้าที่แทน  ซึ่งรีเลย์ที่พบใช้ในงานเครื่องทำความเย็นแบ่งออกได้ดังนี้
1. เคอร์เรนด์รีเลย์ (current relay)
2 ไพเทนเซียลรีเลย์ (potential relay)
3. ฮอตไวร์รีเลย์ (bot wire relay)

ตามปกติขดลวดสตาร์ดของมอเตอร์ควรจะไฟเลี้ยงในจังหวะสตาร์ตเพียงช่วงสั้นๆ  ประมาณ 3-4 วินาที  เพราะถ้าปล่อยให้กระแสไฟฟ้าผ่ายเข้าเลี้ยงขดลวดสตาร์ตนานเกินไป ขดลวดสตาร์ตอาจร้อนจัดทำให้เกิดอันตราต่อมอเตอร์ได้  ฉะนั้นในการทำงานที่ถูกต้อง รีเลย์ที่ใช้จะต้องให้ได้ขนาดพอดีกับมอเตอร์การซ่อมเปลี่ยนรีเลย์ใหม่จะต้องแน่ใจว่ารีเลย์ใหม่นี้มีขนาดและคุณสมบัติในการใช้งานเท่ากับรีเลย์ตัวเดิมเสมอ
1. เคอร์เรนต์รีเลย์  ใช้กับมอเตอร์แบบคาพาซิเตอร์สตาร์ต  มีการทำงานโดยอาศัยการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อมีกระแสไหลผ่านขดลวดจะเกิดอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นรอบขดลวดนั้น หน้าสัมผัสของรีเลย์จะตัด-ต่อ โดยการเปลี่ยนแปลงของกระแสในขณะที่มีไฟผ่านเข้าเลี้ยงขดลวดรันและขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์  ตามปกติหน้าสัมผัสของรีเลย์ชนิดนี้เป็นแบบปกติเปิดและต่อเป็นอนุกรมอยู่กับขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์  ในช่วงจังหวะการสตาร์ตมอเตอร์  กระแสไฟฟ้าที่ผ่านขดลวดเข้าเลี้ยงขดลวดรันมีจำนวนสูง ทำให้เกิดอำนาจเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าสูงขึ้น  ดูดเอาหน้าสัมผัสเข้าต่อกันและมีกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าเลี้ยงขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์  ทำให้มอเตอร์สามารถหมุนออกตัวได้ เมื่อมอเตอร์หมุนออกตัวแล้ว  ไฟที่เข้าขดลวดรันของมอเตอร์จะมีกระแสลดต่ำลงตามปกติ  อำนาจการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าที่ขดลวดของรีเลย์ก็จะลดลงด้วย  จนไม่สามารถที่จะดูดหน้าสัมผัสให้ต่อยู่ได้อีกต่อไป  หน้าสัมผัสก็จะจากออก  โดยอาศัยน้ำหนักของตัวเองตกลง (gravity) หรือโดยการทำงานของสปริง เป็นการตัดวงจรไฟที่เข้าเลี้ยงขอดลวดสตาร์ด คงเหลือไฟที่เข้าเลี้ยงขดลวดรันเพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นการทำงานตามปกติของมอเตอร์

2. โพเทนเชียลรีเลย์  หรือรีเลย์ขดลวงแรงดัง (voltage coil relar)  ใช้กับมอเตอร์ชนิดคาพาซิเตอร์สตาร์ดและมอเตอร์ชนิดคาพาซิเตอร์สตาร์ตและรัน  รีเลย์ชนิดนี้แตกต่างจากเคอร์เรนต์รีเลย์ตรงที่ขดลวดของโพเทนเซียลรีเลย์เส้นเล็กและมีจำนวนรอบมากกว่าแบบเคอร์เรนด์  ตามปกติหน้าสัมผัสจะต่อกันอยู่ตลอดเวลา  และต่อเป็นอนุกรมอยู่กับคาพาซิเตอร์สตาร์ตของวงจร ขณะที่มอเตอร์เริ่มออกตัวและความเร็บรอบของมอเตอร์เริ่มเร็วขึ้น  ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในขดลวดสตาร์ตจะสูงขึ้นจากค่าความต่างศักย์ปกติ  (ประมาณ 150 เปอร์เซ็นต์)  ซึ่งมีผลเนื่องมาจากคาพาซิเตอร์สตาร์ตที่ต่อเป็นอนุกรมอยู่กับขดลวดนี้เป็นตัวทำให้ค่าความต่างศักย์สูงขึ้น  เพื่อช่วยในการออกตัวของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ค่าความต่างศักดาไฟฟ้าสูงที่เกิดขึ้นในขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์  จะเหนื่ยวนำให้เกิดกระแสสูงขึ้นไหลผ่านขดลวดของรีเลย์ เกิดอำนาจแม่เหล็กดูดเหล็กดันกระเดื่องเข้ามาติด เหล็กดันกระเดือนนี้จะมีกลไกดันให้หน้าสัมผัสของรีเลย์จากออกจากกัน  สำหรับมอเตอร์แบบคาพาซิเตอร์สตาร์ต  เมื่อหน้าสัมผัสของรีเลย์จากออกจะเป็นการตัดทั้งคาพาซิเตอร์สตาร์ตและขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์  ออกจากวงจรทั้งคู่  ส่วนมอเตอร์แบบคาพาซิเตอร์และรัน  เมื่อหน้าสัมผัสของรีเลย์ถูกจากออกจะเป็นตัดคาพาซิเตอร์สตาร์ตออกจากวงจรเท่านั้น
เมื่อมอเตอร์หมุนออกตัวแล้ว  และหน้าสัมผัสของรีเลย์ถูกออกจาก ค่าความต่างศักดาไฟฟ้าที่ขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์จะลดลง  แต่ยังคงมีค่าสูงพอที่จะเหนี่ยวนำให้เกิดอำนาจแม่เหล็กดูดเหล็กดันกระเดื่องเข้ามาต่อ ดันให้หน้าสัมผัสของรีเลย์จากออกอยู่ตลอดเวลา  จนกว่าจะหยุดมอเตอร์

3. ฮอตไวร์รีเลย์  หลักการทำงานของฮอตไวร์รีเลย์ขึ้นอยู่กับผลของความร้อนที่เกิดขึ้นกับลวดความร้อน (hot wier)  ในขณะที่สตาร์ตมอเตอร์  กระแสจะสูงผ่านลดความร้อนเกิดการขยายตัว  ทำให้หน้าสัมผัสของรีเลย์ที่ี่ต่อไปยังขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์จากออก  ซึ่งเป็นการตัดขดลวดสตาร์ตออกจากวงจร
   ฮอตไวร์รีเลย์ประกอบด้วยหน้าสัมผัส 2 ชุดคือ  หน้าสัมผัส S  ซึ่งต่อเป็นอนุกรมอยู่กับขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์  และหน้าสัมผัส M ซึ่งต่อเป็นอนุกรมอยู่กับขดลวดของมอเตอร์  ตามปกติหน้าสัมผัสทั้งคู่ของรีเลย์ชนิดนี้จะต่อกันอยู่ ฉะนั้นในช่วงจังหวะสตาร์ตมอเตอร์  ทั้งขดลวดสตาร์ตและขดลวดรันจึงต่ออยู่วงจร  ในช่วงจังหวะการสตาร์ตนี้กระแสจะสูงและผ่านลวดความร้อนทำให้เกิดการขยายตัว  จึงเอาหน้าสัมผัส S ให้จากออก  จึงเป็นการตัดขดลวดสตาร์ตออกจากวงจร  ภายหลังจากที่ขดลวดสตาร์ตถูกตัดออกจากวงจรแล้ว
กระแสซึ่งผ่านลวดความร้อนและขดลวดรันของมอเตอร์ยังคงทำให้มอเตอร์หมุนตามปกติอยู่  และคงมีความร้อนเพียงพงที่จะดึงให้หน้าสัมผัส S จากอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่มากพอที่จะขยายตัวจนหน้าสัมผัส M จากออก